SF MONSTA X - Bloodstain ━♡。
- unknown
- Feb 25, 2016
- 3 min read

อีมินฮยอก : จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้

ยูกีฮยอน : เป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์

ซนฮยอนอู : หนึ่งในตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้ แฟนเก่าของผู้ตาย

ชินโฮซอก : หนึ่งในตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้

แชฮยองวอน : แฟนใหม่ของผู้ตาย

อีจูฮอน : หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน

อิมชางกยุน : หนึ่งในตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้
“ใจเย็นๆนะครับ ลองทบทวนเหตุการณ์ดูดีๆก่อนนะครับ”
“………….."
“ค่อยๆนึกก็ได้ครับ เห็นก็บอกว่าเห็น ไม่เห็นก็บอกว่าไม่เห็นนะครับ”
“………………….”
กีฮยอนไม่กล้าเงยหน้าสบตาใครทั้งสิ้น เด็กหนุ่มวัย 17 ปี กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้นด้วยความหวาดกลัว แววตาสั่นไหวไม่กล้าพอที่จะมองหน้าใครทั้งนั้น ภาพติดตาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ยังติดอยู่ในหัว กีฮยอนที่เกิดและโตมาที่บ้านหลังนี้ ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะต้องมาเห็นคนฆ่ากันตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้จริงๆ
“นายเห็นอะไรหรือเปล่า”
อิมชางกยุนเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้ซนฮยอนอูตำรวจเพื่อนรักสอบสวนอยู่นาน แต่ไม่ว่าจะยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่ปริปากออกมาเลยแม้สักนิด จนทำให้ชินโฮซอกทื่ยืนฟังอยู่ด้วยเกิดอาการหงุดหงิด
“มีปากหรือเปล่า? ฉันถามว่านายเห็นอะไรบ้าง ทำไมไม่ตอบ?”
โฮซอก เอ่ยขึ้นหลังจากที่โยนบุหรี่ทิ้งไปก่อนจะย่อตัวลงไปนั่งจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งสั่นเทาอยู่ตอนนี้
“ที่ไม่พูดเนี่ย หรือว่าคนที่ฆ่า คือนาย ?”
“เฮ้ย ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยก็ได้ ตอนนี้เด็กอาจจะกำลังกลัวหนะ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะควบคุมตัวไปโรงพักก่อน แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงค่อยว่ากัน”
ชางกยุนเมื่อเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้ามาปรามเสียก่อน ตัวเขาเข้าใจว่ากีฮยอนอาจจะกำลังกลัวอยู่ก็ได้ ก็แน่สิ ใครมาเห็นเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้ต่อหน้าต่อตาก็คงจะหวาดกลัวเป็นธรรมดา ถ้าเป็นเขาก็คงจะพูดไม่ออกเช่นกัน ชางกยุนค่อยๆประคองกีฮยอนไปที่รถของตัวเอง กีฮยอนค่อยๆลุกขึ้นตามกำลังแรงแขนของชางกยุนก่อนจะเดินออกไปพร้อมชางกยุนด้วยความหวาดระแวง ในตอนนี้กีฮยอนไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก ในหัวมีแต่ภาพที่ อีมินฮยอก เจ้านายของเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเท่านั้น
“งั้นนายกลับไปก่อนเลยละกันนะชางกยุน เดี๋ยวฉันกับโฮซอกจะขออยู่เก็บหลักฐานต่ออีกหน่อย”ฮยอนอูตะโกนบอกนายตำรวจหนุ่มเพื่อนรักของเขาที่ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นพ่อพระ
“อื้ม ไว้เจอกันที่โรงพักนะ”
3 ชั่วโมงก่อนหน้า ..
“ทำไมพวกนายมาถึงก่อนฉันหละ”
ชางกยุนสงสัยจึงเอ่ยถามเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็พบกับตำรวจสองเพื่อนรักของเขาที่มาถึงก่อนอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่าวันนี้ทั้งฮยอนอูและโฮซอกไม่ได้อยู่ที่โรงพัก ซึ่งโรงพักนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก ถ้าเกิดว่าสองคนนั้นอยู่ที่อื่นยังไงก็ไม่มีทางมาก่อนเขาแน่นอน
“พวกฉันออกมากินข้าวแถวนี้พอดี พอนายโทรมาก็เลยรีบมายังไงหละ”
“งั้นหรอ?”
ชางกยุนทำหน้าครุ่นคิดสักพักแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรแต่อย่างใด เพราะตอนนี้มีหน้าที่สำคัญมากกว่าที่จะมาสนใจว่าใครจะมาเร็วมาช้ามาก่อนมาหลังอีกแล้ว ชางกยุนรีบรุดเข้าไปตรวจสอบในเกิดเหตุทันที โดยมีฮยอนอูและโฮซอกตามเข้าไปติดๆ ก่อนจะรีบเคลียร์ที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างอย่างรอบคอบ
– bloodstain –
“ตกลงคุณพอจะจำรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายได้หรือเปล่าครับ”
ชางกยุนเอ่ยถามคนตรงหน้าที่กำลังนั่งหดตัวอยู่ท่ามกลางห้องสอบสวนที่มีแสงสว่างเป็นเพียงโคมไฟอันเดียวที่ส่องแสงมาที่เขา เด็กหนุ่มยังคงไม่แม้แต่จะปริปากออกมาตามเคย
“ผม.. ผมพูดไม่ได้”
นี่คือสิ่งที่กีฮยอนอยากจะบอกให้ชางกยุนรับรู้
ชางกยุนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย ดูแล้วคงไม่น่าจะเป็นคนที่จะสามารถฆ่าใครได้ง่ายดายขนาดนั้นเลย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เขาไม่ควรปักใจเชื่ออะไรตอนนี้จนกว่าจะมีหลักฐานที่แน่ชัด
“ก็พูดมาสิ ว่าเป็นคนทำ โทษจะได้เบาลง” โฮซอกเอ่ยสวนขึ้นมา ชางกยุนส่งสายตาไปที่โฮซอกเชิงห้ามเพื่อนที่ปากไวของเขาว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้นักเลย โฮซอกทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะยอมนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์
“ว่ายังไง ? “
“.............”
“หงุดหงิดจริงๆเลยโว้ย!”
โฮซอกลุกขึ้นอย่างหัวเสียก่อนจะเดินตึงตังออกไปจากห้องสอบสวนทันที ชางกยุนไม่ใส่ใจเพราะรู้ว่าเพื่อนเขาคนนี้เป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิดอะไรแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชางกยุนหันกลับไปนั่งมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ ความเครียดและความกดดันปะทุเริ่มปะทุเข้ามาไม่รู้ตัว ถ้าเกิดว่าคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดขนาดนี้ แล้วเขาจะคลี่คลายคดีนี้ได้อย่างไร? มันเริ่มจะไม่ง่ายแล้วจริงๆ
– bloodstain –
“นี่มันไม่มีอะไรคืบหน้าเลยหรอ นี่ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะ ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้เลย”
“ฉันว่านายน่าจะสงสัยคนที่อยู่ในเหตุการณ์”
“นายดูสงสัยเด็กคนนั้นจริงๆเลยนะโฮซอก”
ชางกยุนเอ่ยขึ้นมาบ้าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โฮซอกเอ่ยแบบนี้ มันก็จริงที่เด็กคนนั้นอยู่ในเหตุการณ์แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเขาคือคนที่ฆ่าเจ้านายเขาจริงๆตำรวจแบบพวกเขาก็ไม่ควรจะไปปรักปรำแบบนั้น แต่โฮซอกดูเหมือนจะอยากให้คนผิดคือเด็กคนนั้น ชางกยุนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโฮซอกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยหรือเปล่า
แต่ว่า .. โฮซอกจะไปเกี่ยวอะไรกับการตายของคุณอีมินฮยอกล่ะ ?
“นายไม่คิดแบบนั้นหรอกหรอชางกยุน ในเหตุการณ์นั้นมีเด็กคนนี้อยู่คนเดียวนะที่เห็นมันหนะ”
“นายไม่คิดว่าคนร้ายจะหนีไปบ้างหรือไง? ถ้าเกิดเด็กคนนั้นฆ่าเจ้านายเขาจริง เขาจะอยู่รอให้เราจับทำไม? ว่ามั้ยฮยอนอู”
ชางกยุนหันไปถามเพื่อนรักอีกคนที่นั่งเงียบมาตลอดตั้งแต่เริ่มบทสนทนา ฮยอนอูไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้าตอบไปเท่านั้น มีแต่โฮซอกที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงสงสัยตัวกีฮยอนอยู่
“แล้วทำไมมันไม่พูดออกมาสักทีหละ?”
นั่นสินะ .. ทำไมเด็กคนนั้นถึงไม่ยอมพูดสักที
“ไง พวกคุณคดีของคุณอีมินฮยอกไปถึงไหนกันบ้างแล้ว”
อิมแจบอม เดินเข้ามาในห้องคั่นกลางระหว่างบทสนทนาอันตึงเครียดของสามตำรวจเพื่อนรัก ทั้งสามลุกขึ้นเคารพหัวหน้าของเขาอย่างสุภาพปนกังวล การที่หัวหน้าเข้ามาแบบนี้ก็เพิ่มความกดดันที่จะต้องคลี่คลายคดีให้เร็วยิ่งขึ้น
“เห้อ เร่งมือเข้าหน่อยนะพวกคุณ ผมเชื่อใจพวกคุณพวกคุณเก่งกันอยู่แล้ว ฝากด้วยนะชางกยุน”
แจบอมตบบ่าชางกยุนเชิงให้กำลังใจแต่ชางกยุนไม่คิดแบบนั้นมันยิ่งเหมือนเป็นการเพิ่มความกดดันให้เขาต้องรีบเคลียร์คดีนี้ให้เร็วที่สุดมากกว่า
“ฉันว่าเราควรจะจบคดีนี้กันได้แล้ว เด็กนั่นนั่นแหละคือฆาตกร”
โฮซอกยังคงยืนยันคำเดิม ในขณะที่ฮยอนอูก็ยังเงียบไม่พูดไม่จาอะไร
“ฮยอนอู ฉันจำได้ว่า เอ่อ ขอโทษนะ นายเคยคบกันกับคุณอีมินฮยอกไม่ใช่หรอ?” ชางกยุนเอ่ยถามไปตรงๆ
“นายสงสัยฉัน?”
“เปล่า ก็แค่ถามดูว่าเคยรู้จักใครที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณมินฮยอกหรือมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าก็แค่นั้น”
ชางกยุนไม่ได้โกหก เขาไม่ได้สงสัยว่าฮยอนอูเป็นคนทำหรือไม่ หรือแม้แต่โฮซอกเอง เพียงแต่ว่าอะไรที่มันพอจะทำให้คดีนี้คลายลงโดยเร็วเขาก็ควรจะทำมัน
“ฉันไม่แน่ใจ ถ้ายังไงวันนี้ฉันกับโฮซอกจะกลับไปดูที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งก็แล้วกัน เพื่อได้หลักฐานอะไรเพิ่มเติม”
“อื้ม ถ้ายังไงก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะ”
– bloodstain –
ฮยอนอูและโฮซอกพากันกลับมาที่เหตุอีกครั้งเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม แน่นอนว่าฮยอนอูรู้จักบ้านมินฮยอกอยู่แล้ว แต่เขากับมินฮยอกก็เลิกกันไปนานแล้ว แล้วก็ไม่ได้รู้ว่ามินฮยอกจะมีศัตรูที่ไหนด้วยซ้ำเพราะมินฮยอกเป็นคนดี ฮยอนอูเดินเข้ามาในบริเวณรั้วบ้านสีหน้าเคร่งเครียดเกรงว่ามาวันนี้อาจจะต้องกลับไปมือเปล่า และคดีก็จะไม่จบไม่สิ้นสักที ก่อนจะเห็นร่างนึงเดินสวนออกมาจากในบ้าน
“นาย..”
“อ้าว นึกว่าใคร คนเคยคุ้นกันนี่เอง สวัสดีครับคุณตำรวจซนฮยอนอู”
ร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านของมินฮยอกเอ่ยทักฮยอนอูสีหน้าชวนหาเรื่องเล็กๆ ฮยอนอูเมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“นายมาทำอะไรที่นี่? นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรจะมา”
“ทำไมครับ ผมก็มาเก็บของของผม แล้วนี่ก็บ้านแฟนผม”
ฮยองวอนยังคงพูดจายียวนฮยอนอูอยู่แบบนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่สบอารมณ์ก็ยิ่งได้ใจ ฮยองวอนไม่ชอบขี้หน้าฮยอนอู และฮยอนอูก็ไม่ชอบฮยองวอนเช่นกัน ทั้งสองรู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่ชอบขี้หน้ากัน
ก็แน่ละ แฟนเก่ากับแฟนใหม่ที่ไหนเขาถูกกันหละ จริงมั้ย?
“นายก็รู้ว่าคดีมันยังไม่เคลียร์ และตอนนี้ก็ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ นายมาแบบนี้ฉันมีสิทธิ์ที่จะสงสัยนายได้นะแชฮยองวอน”
“มาสงสัยอะไรผมครับ ผมก็แค่มาเก็บของเท่านั้น คุณมีหลักฐานอะไรมาปรักปรำผมแบบนี้ครับคุณฮยอนอู?”
“ก็นายเป็นแฟนมินฮยอกอยู่ตอนนี้ เป็นคนที่สนิทกับมินฮยอกที่สุดแถมตอนนี้ก็ดูเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรด้วย จะให้ฉันคิดยังไง?”
“งั้นนี่ผมสงสัย “แฟนเก่า” แบบคุณกลับได้มั้ยครับ?”
ฮยองวอนตั้งใจพูดจากวนประสาทฮยอนอู จนฮยอนอูแทบจะทนไม่ไหวคว้าเข้าที่คอเสื้อของฮยองวอนทันควันอย่างโมโห แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฮยองวอนรู้สึกรู้สาอะไร
“ทำไมครับ ผมพูดแทงใจดำหรอคุณแฟนเก่า”
ฮยองวอนยิ้มร้ายก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเมื่อเห็นฮยอนอูกำลังเดือดกับคำพูดของเขา ฮยอนอูอดไม่ได้จึงพุ่งหมัดไปที่หน้าของฮยองวอนทันที ก่อนที่ฮยองวอนจะสวนกลับมาอย่างไม่รีรอเช่นกัน โฮซอกที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์จึงร้องห้าม
“พอเถอะทั้งคู่นั่นแหละ! ฮยอนอูพอได้แล้ว นายกำลังมาทำหน้าที่นะ!”
ฮยอนอูยอมปล่อยมือจากคอเสื้อฮยองวอนตามคำขอของโฮซอกแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาคาดแค้นให้อีกฝ่ายที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ก่อนจะยกมือขึ้นมาซับเลือดที่เกิดจากหมัดของฮยอนอูเมื่อสักครู่ ฮยองวอนแสยะยิ้มให้ฮยอนอูก่อนจะเดินไปที่รถของเขา ฮยอนอูได้แต่กำหมัดไว้อย่างเจ็บแค้น เขาเกลียดผู้ชายคนนี้จริงๆ
“ทำไมจะต้องไปเดือดขนาดนั้น ปกตินายใจเย็นจะตายไป”
โฮซอกเอ่ยขึ้นพลางยกมือมาดูใบหน้าของอีกฝ่าย รอยแผลเล็กๆบริเวณขอบปากที่โดนฮยองวอนต่อยกลับมาเมื่อครู่นั้นทำให้โฮซอกเป็นกังวล
“ฉันไม่ชอบที่ต้องเห็นนายบาดเจ็บ แผลเดิมนายยังไม่หายเลยนะ”
“ก็ดูหมอนั่นมันพูดสิ”
โฮซอกยิ้มเศร้าออกมากับคำพูดของฮยอนอู ที่ฮยอนอูโมโหขนาดนั้นอาจเป็นเพราะฮยอนอูยังรักมินฮยอกอยู่สินะ กะอีแค่คำว่าแฟนเก่านี่ไม่น่าจะทำให้ฮยอนอูต้องเดือดขนาดนี้ด้วยซ้ำไปนอกเสียจากว่า ฮยอนอูยังรักมินฮยอกอยู่ ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงคนที่เจ็บที่สุดก็คงจะเป็นเขา
ฮยอนอูกับโฮซอกแอบคบกันมาได้สักพักใหญ่แล้ว โฮซอกแอบชอบฮยอนอูมาตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกัน แล้วก็พอรู้มาบ้างว่ามินฮยอกเป็นแฟนเก่าของฮยอนอู แต่ก็เลิกกันไปตั้งนานแล้วก่อนจะมาคบกับเขาด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องการคบกันของทั้งสองนั้น แม้แต่ชางกยุนเองที่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทก็ยังไม่รู้ อาจจะมีคนสงสัยในความสัมพันธ์นี้บ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา โฮซอกเองก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้เท่าไหร่นักว่าเขากับฮยอนอูเป็นอะไรกัน
– bloodstain –
“เมื่อวานนี้พวกฉันไปที่บ้านมินฮยอกมาแล้วนะ”
“ได้ความคืบหน้าว่ายังไงบ้าง?”
“ฉันเจอฮยองวอน เอ่อ แฟนของมินฮยอกหนะ ที่นั่น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปทำไมเหมือนกัน แต่หมอนั่นบอกว่าเข้ามาเก็บของ”
“นายกำลังสงสัยผู้ชายคนนั้นหรอ?”
“ใช่ เราน่าจะเรียกเค้ามาสอบปากคำสักหน่อย ไหนๆเจ้าเด็กนั่นก็ไม่ยอมพูดอะไร ระหว่างนี้สงสัยใครก็น่าจะเรียกตัวมาให้หมด”
“โอเค เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เอง”
“ขออนุญาตครับ คุณชางกยุนครับ เด็กคนนั้นรออยู่ที่หน้าทำงานนะครับ”
“โอเค ขอบใจนะหมู่”
ชางกยุนหันไปตอบตามเสียงที่เพิ่งเข้ามาแทรกกลางบทสนทนาเมื่อสักครู่ ฮยอนอูขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“นายพาเด็กคนนั้นมาทำงานด้วยหรอ”
“ก็ตอนนี้ กีฮยอน เอ่อ ชื่อเด็กคนนั้นหนะ กำลังอยู่ในความดูแลของฉันอยู่ เขาเป็นเด็กกำพร้า นอกจากคุณมินฮยอกก็คงไม่มีใครแล้วก็เลยรับดูแลระหว่างสืบคดีนี้”
“นั่นมันไม่เกินหน้าที่ไปหน่อยหรือไง” โฮซอกเอ่ยแทรกขึ้นมา
“หรือนายจะเอาไปดูแลหละโฮซอก” โฮซอกไม่ตอบอะไรแต่ยักไหล่ทำท่าไม่สนใจใส่ชางกยุน
“เอาหน่า คืองี้ที่กีฮยอนไม่ยอมพูดอะไร เพราะว่ากีฮยอนพูดไม่ได้ ที่ฉันรู้ชื่อเขาก็เพราะว่าเขาเขียนให้ฉันอ่าน”
“แล้วนายได้ถามมั้ยว่าเด็กนั่นจำหน้าคนร้ายได้หรือเปล่า”
“ก็ถามนะ แต่ก็ไม่ตอบอะไร ให้เขียนให้อ่านก็เขียนไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่รู้ภาษา แค่เขียนชื่อตัวเองได้ก็เก่งแล้ว เอาหละ กลับกันเถอะ ไว้ค่อยมาคุยเรื่องคดีกันต่อพรุ่งนี้”
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องทำงานเพื่อเตรียมจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ชางกยุนเดินเข้าไปหากีฮยอนที่กำลังนั่งรอเขาอยู่ กีฮยอนเงยหน้ามองชางกยุนแล้วยิ้มอย่างอุ่นใจก่อนรอยยิ้มนั้นจะหุบลงเมื่อหันไปเจออีกสองคนที่เดินตามหลังชางกยุนมา สายตาของกีฮยอนหลุบลงต่ำทันควัน แววตาเล็กสั่นระริกอีกครั้ง
“พวกฉันกลับก่อนนะ”
“อืม ไว้เจอกัน”
เมื่อทั้งสองคนเดินลับออกไปแล้ว แต่กีฮยอนก็ยังนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ ชางกยุนสังเกตเห็นปฏิกิริยานั้นก็อดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไร?”
“คุณชางกยุน ผมกลัว”
“นายเห็นอะไร นายอยากพูดอะไรกับฉันหรอกีฮยอน”
“ผม ผมรู้แล้วครับว่าใครคือคนร้าย”
“นายอยากบอกอะไรฉันกีฮยอน”
“คุณชางกยุน ผมไม่รู้จะบอกคุณยังไงดี”
“นายรู้ว่าใครคือคนร้ายงั้นหรอ?”
กีฮยอนพยักหน้าช้าๆ แต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้าสบตาชางกยุน ชางกยุนรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินกีฮยอนพูดแบบนี้ เขานั่งลงข้างๆกีฮยอนเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่กีฮยอนพยายามจะสื่อสารออกมา กีฮยอนไม่พูดอะไรได้แต่ชี้มือไปที่ประตู ชางกยุนหันไปมองตามนิ้วเล็กนั้นอย่างสงสัย นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
กีฮยอนสงสัยฮยอนอูและโฮซอกงั้นหรอ ? เป็นไปได้ยังไง ...
“นายแน่ใจหรอกีฮยอน”
ชางกยุนถามเพื่อความแน่ใจ กีฮยอนยังคงพยักหน้าตอบอยู่แบบนั้น ก่อนจะค่อยๆชี้นิ้วไปที่ต้นขาของตัวเองที่เป็นรอยแผลเป็นอยู่แล้วเลื่อนตำแหน่งนิ้วนั้นมาแตะที่บริเวณลำคอของตัวเองเพื่อจะสื่อสารให้ชางกยุนรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ชางกยุนค่อยๆปะติดปะต่อการกระทำของกีฮยอนเมื่อสักครู่ทีละอย่าง
“แผลเป็นที่คอ?”
กีฮยอนพยักหน้ารัวกับคำพูดของชางกยุน แววตาดีใจที่ชางกยุนสามารถเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อออกมาได้ หากแต่ชางกยุนก็ยังไม่คลายสงสัย แม้ว่ากีฮยอนจะจำแผลเป็นที่บริเวณลำคอของคนร้ายได้แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหนะสิ เพราะแผลเป็นตรงตำแหน่งเดียวกันนี้ ทั้งฮยอนอู โฮซอกและตัวชางกยุนเอง มีเหมือนกันทุกคน
– bloodstain –
กองพิสูจน์หลักฐาน
“เราได้หลักฐานเพิ่มเติมแล้วนะครับคุณชางกยุน” อีจูฮอนหัวหน้างานพิสูจน์หลักฐานยื่นแฟ้มเอกสารให้ชางกยุน ชางกยุนรับมันมาก่อนจะเปิดอ่านด้วยสีหน้าตึงเครียด เพราะคำบอกใบ้ที่กีฮยอนบอกมาเมื่อวันนั้นทำให้เขายังไม่คลายสงสัยแม้สักอย่าง มาวันนี้ได้หลักฐานเพิ่มเติมก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะชี้ตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น
“เราพบคราบเลือดผู้ต้องสงสัยบริเวณที่เกิดเหตุครับ”
“คราบเลือดงั้นหรอ?”
ชางกยุนยกถุงใสที่บรรจุหลอดเลือดขึ้นมามองดูอย่างครุ่นคิด นี่อาจจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะช่วยให้เค้าคลายคดีนี้ได้ จากนี้ก็ต้องไปตามหาว่าใครดีเอ็นเอตรงกับผู้ต้องสงสัยสินะ โฮซอกยืนนิ่งเมื่อมองหลักฐานชิ้นสำคัญในมือของชางกยุน
“ย๊า โฮซอกอ่า ชินโฮซอก!”
“ห้ะ เอ่อ มีอะไรหรอ?”
“นายเหม่ออะไรของนาย ฉันกำลังจะบอกให้นายโทรไปประสานกับฮยอนอูหน่อยว่าให้ตามคุณแชฮยองวอนมาตรวจดีเอ็นเอที ส่วนฉันจะเป็นคนพาตัวกีฮยอนมาตรวจเหมือนกัน ฝากด้วยนะ”
“อ่า ได้สิ” โฮซอกรับคำ
จากนี้อะไรๆก็อาจจะง่ายขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าเกิดหนึ่งในสองคนนี้เป็นคนร้ายจริง อย่างน้อยสิ่งที่เขาสงสัยตามคำพูดของกีฮยอนวันนั้นก็จะหลุดออกจากหัวสมองเค้าสักที
แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ..
หลังจากที่พาตัวกีฮยอนและฮยองวอนมาตรวจดีเอ็นเอแล้วนั้น เมื่อผลเลือดออกมาก็ทำให้ชางกยุนต้องปวดประสาทอีกรอบ เมื่อผลเลือดของทั้งสองไม่ตรงกับดีเอ็นเอของคนร้ายเลย นั่นยิ่งทำให้คดีนี้ยุ่งยากขึ้นไปอีก มันเหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด นี่อาจจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องเลือกที่จะทำมัน
“โฮซอกอ่า นายน่าจะลองไปตรวจดีเอ็นเอหน่อยนะ”
“นี่นายกำลังสงสัยฉันหรอ?”
“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้จะสงสัยนาย ฉันแค่คิดว่าอะไรที่พอจะทำได้ก็น่าจะทำไม่ใช่หรอ? นายเป็นแฟนของฮยอนอู”
“นะ นายรู้ ?”
“อื้ม รู้สิ ฉันเป็นเพื่อนพวกนายนะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่ฉันคิดว่าแฟนเก่ากับแฟนใหม่ไม่น่าจะลงรอยกันเท่าไหร่”
“นั่นไง นายกำลังสงสัยฉันอยู่ดี” โฮซอกพูดออกมา แต่ชางกยุนไม่ได้อยากให้เพื่อนคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเหมือนกัน
“นายก็ด้วยนะฮยอนอูนายก็มีความสัมพันธ์กับคุณมินฮยอกเหมือนกัน ฉันหวังว่านายจะเข้าใจฉัน”
“ได้ ฉันยินดีให้ตรวจ ฉันบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะฮยอนอู โฮซอก”
“เห็นมั้ยหละ ฉันไม่ได้ทำ”
“ดีแล้ว ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายจะทำหรอกนะ”
ชางกยุนพูดพลางมองผลเลือดที่อยู่ในมือตัวเอง และก็เป็นอีกครั้งที่ดีเอ็นเอของฮยอนอูและโฮซอกไม่ตรงกับดีเอ็นเอของคนร้าย และในตอนนี้ก็หมดคนที่ต้องสงสัยแล้ว ชางกยุนเครียดหนักกว่าเดิมเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
“แล้วให้พวกฉันตรวจแค่สองคน ทำไมนายไม่ตรวจด้วยกันหละชางกยุน?” โฮซอกเอ่ยขึ้น ชางกยุนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในประโยคของเพื่อน เขาเองก็โดนสงสัยเหมือนกันสินะ
“เอาสิ จูฮอนตรวจเลย”
ชางกยุนยังคงวุ่นอยู่กับการหาหลักฐานเพื่อหาตัวคนร้ายเพิ่มเติม เพราะผลเลือดของเขาเองนั้นก็ไม่ตรงกับคนร้ายเช่นดียวกัน หากแต่วันนี้เขาต้องกลับเข้ามาที่กองพิสูจน์หลักฐานเพราะจูฮอนโทรไปหาเขาตั้งแต่เมื่อเช้าแถมยังกำชับด้วยว่าให้เขามาที่นี่แค่คนเดียว มีเรื่องอะไรงั้นหรอ?
“คุณได้หลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรอครับคุณจูฮอน”
“ผมมีอะไรบางอย่างอยากให้คุณชางกยุนดูครับ”
“เอ๋?”
จูฮอนวางแท่นหลอดเลือดที่ถูกวางไว้เรียงกัน 5 หลอดให้ชางกยุนดู ชางกยุนยังทำหน้าสีหน้าครุ่นคิดด้วยความสงสัย
“เลือดพวกนี้ ทำไมหรอครับ? ก็ในเมื่อมันไม่ตรงกับคนร้ายไม่ใช่หรอครับ?”
“ใช่ครับ แต่ว่าผมอยากให้คุณชางกยุนสังเกตุสีเลือดของคุณฮยอนอูดูครับ”
“หืม?”
ชางกยุนไล่มองหลอดเลือดทุกเลือดอย่างช่างสังเกตุ จนสังเกตุได้ว่าสีเลือดของฮยอนอูนั้นแตกต่างจากหลอดเลือดของคนอื่นๆจริงๆ
“แล้วมันยังไงหรอครับ?”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่ว่าจะเป็นไปได้มั้ยถ้าผมจะขอตรวจเลือดคุณฮยอนอูอีกครั้ง”
“อืม... ไว้ผมจะประสานเพื่อนผมให้ก็แล้วกันนะครับ”
“ขอบคุณมากครับคุณชางกยุน”
.
.
.
.
“ว่าไงนะ!”
“นายช่วยไปตรวจเลือดอีกทีได้มั้ยฮยอนอู เลือดนายมันแปลกๆ”
“แปลก? แปลกยังไง? นี่นายสงสัยฉันหรอ?”
“ฉันเปล่า ฉันก็ไม่ได้อยากคิดแบบนั้น ก็แค่อยากแน่ใจ”
“ก็ได้”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะฮยอนอู”
.
.
.
.
“นายไม่กลัวโดนจับได้หรอ?”
“กลัว? กลัวอะไรกัน ใครจะมาจับฉันทัน”
“แต่ตอนนี้พวกนั้นกำลังสงสัยนายนะ นายไม่กลัว แต่ฉันกลัวหนิ”
“มันไม่มีทางรู้หรอก”
ไม่มีทางที่ใครจะมาจับตัวเขาได้ ต่อให้เจาะเลือดอีกสักร้อยครั้งก็ไม่มีวันที่จะหาดีเอ็นเอคนร้ายเจอ
ฮยอนอูยิ้มร้ายก่อนจะเอามีดกรีดที่ข้อพับแขนขวาของตัวเองอย่างเคยชิน โฮซอกเบือนหน้าหนีด้วยความกลัว แต่ฮยอนอูกลับมีสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น เขาหันไปหยิบหลอดเลือดเล็กๆที่ถูกบรรจุอย่างดีมาใส่ที่ข้อพับที่รอการบรรจุเลือดปลอมอยู่ก่อนจะค่อยๆเย็บมันเข้ากันด้วยความเคยชิน
– bloodstain –
“เลือดนายแปลกๆอีกแล้วหละฮยอนอู”
“แล้วยังไง ในเมื่อดีเอ็นเอฉันไม่ตรงกับคนร้าย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้นายตรวจอีกสักทีได้มั้ย”
“นี่มันจะมากไปแล้วนะชางกยุน! ทำไมต้องเป็นฉันที่โดนสงสัยอยู่คนเดียว! ก็ได้ ! อยากตรวจมากก็ตรวจเลย เอาสิ!”
ฮยอนอูยื่นแขนให้จูฮอนที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่ จูฮอนเงยหน้ามองชางกยุนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับแล้วสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด ถ้าคราวนี้มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็คงจะต้องเหนื่อยกันอีกแน่นอน
“ทำไมแขนนายช้ำแบบนั้นหละฮยอนอู”
“จะไม่ให้ช้ำได้ยังไง พวกนายเล่นเรียกฉันมาเจาะเลือดยังกับเล่นขายของแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉันจะเจาะที่หลังมือนายก็แล้วกัน”
“ว่าไงนะ? ทำไมต้องหลังมือด้วย” ฮยอนอูหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินว่าจะโดนเจาะเลือดที่หลังมือ เหงื่อเริ่มตกด้วยความกังวลเพราะเขาซ่อนเลือดมาที่ข้อพับเท่านั้น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนตำแหน่งการเจาะเลือดวันนี้ เขาประมาทเกินไปจนลืมคิดถึงจุดนี้ไปจริงๆ
“ไม่ได้หรอฮยอนอู”
“เอาเลย เจาะเลย เชิญ”
เมื่อเสร็จจากการเจาะเลือดเพื่อหาผลดีเอ็นเอฮยอนอูก็ขอตัวกลับก่อนด้วยความรวดเร็ว รู้แค่ว่าเขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบหนีก่อนที่ผลเลือดจะออกมาเป็นหลักฐานมัดตัวเขา ฮยอนอูรีบบึ่งรถกลับบ้านมาเก็บของทันทีโดยไม่ลืมจะเร่งให้โฮซอกที่รอเค้าอยู่ทีบ้านรีบเก็บของเพื่อหนีไปด้วยกัน
.
.
.
.
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำ อย่าทำ”
“ก็นายนั่นแหละที่เป็นคนยุฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็แค่พลั้งมือ”
“แล้วนี่จะทำยังไงกัน จะหนีไปไหน? ซวยจริงๆเลยโว้ย”
“อย่ามาเถียงกันตอนนี้ได้มั้ย รีบเก็บของเถอะน่า ก่อนที่พวกมันจะได้หลักฐานมามัดตัวเรา”
ฮยอนอูและโฮซอกมีปากเสียงกันนิดหน่อย ก่อนที่จะต่างฝ่ายต่างเก็บของกันอย่างรีบเร่ง โฮซอกวิ่งขึ้นไปเก็บของบนบ้านตามคำสั่งของฮยอนอู พลางนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้นอย่างหัวเสีย เขาไม่ได้บอกให้ฮยอนอูฆ่า แม้ว่านั่นจะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เหมือนกับเขาเป็นคนสั่งให้ฮยอนอูฆ่ามินฮยอกอยู่ดี เพราะฮยอนอูพลั้งมือฆ่ามินฮยอกไปแล้ว
เมื่อฮยอนอูเก็บของเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว เขาก็นั่งรอโฮซอกที่โซฟาด้านล่างด้วยความร้อนรน ก่อนจะผิดสังเกตว่าโฮซอกหายไปนานผิดปกติ จนทำให้เขาไม่อยากจะรอโฮซอกอีกต่อไป ถ้าต่างคนต่างหนีไปเลยก็น่าจะดีกว่า แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นเพราะฮยอนอูรักโฮซอกมากจึงไม่อาจจะทิ้งโฮซอกได้ ฮยอนอูพยายามใจเย็นและนั่งรอโฮซอกต่อไป
“โฮซอกอ่า เสร็จหรือยัง เราต้องรีบไปกันแล้วนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา จนฮยอนอูผิดสังเกตอีกครั้ง ฮยอนอูนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้แล้ว ถ้าเกิดว่าหนีไปช้ากว่านี้ก็คงโดนจับแน่ๆ ฮยอนอูตัดสินใจคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองแล้วรีบออกจากบ้านไป แต่ก็หนีไม่พ้น ยังไม่ทันที่จะพ้นบริเวณบ้านฮยอนอูก็โดนตำรวจเข้ามาจับกุมแล้ว
“ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าคนร้ายจะอยู่แค่ใต้จมูกฉันนิดเดียว”
“ชะ ชางกยุน ฉันไม่ได้ทำนะเว้ย”
“นายไม่มีสิทธิ์แก้ตัวอะไรทั้งนั้นแล้วฮยอนอู เอาตัวไปโรงพัก”
ชางกยุนออกคำสั่ง ฮยอนอูดิ้นขัดขืนแต่ก็ไม่อาจสู้กำลังของตำรวจคนอื่นที่รุมมาจับกุมเขาได้ โฮซอกที่ยืนหลบอยู่หลังแทงก์น้ำยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างทั้งน้ำตา
“ขอโทษนะฮยอนอู ฉันรักนาย แต่ฉันก็รักตัวเองเหมือนกัน”
END
จบได้แบบ ฮือ 555555555555555555555555 งงกันมั้ยคะ? ไม่งงนะ ฮือ ไม่ได้ตรวจด้วย คือพิมพ์ละลงเลย
คือเป็นพลอตเดิมที่เคยแต่งไว้นานแล้วค่ะ จำได้แค่พลอตเลยเอามาต่อยอดใหม่ เพราะทำไฟล์หายไปแล้ว orz
จริงๆเรื่องเลือดปลอมนี่เราเอามาจากวิชาที่เราเคยเรียนอะค่ะ (วิชาอาชญาวิทยา) เป็นเคสของต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังงงอยู่เลยว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้จริงๆหรอ 555 ในคดีจริงนั้นเหมือนแบบเอาเลือดคนอื่นมาใส่อะค่ะ (เราไม่ได้ใส่รายละเอียดตรงนี้ใส่ฟิค หวังว่าจะไม่งงนะ) เอาเลือดคนอื่นมายัดที่ข้อพับแขนตัวเองอะค่ะ แล้วเจาะไปก็จะไม่เป็นเลือดของคนอื่น เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่เคสฝรั่งเค้าว่ามางี้ หลายคนที่ชอบดูแนวๆนี้น่าจะเคยดูกันนะคะ เลยเอามาต่อยอดกับฟิคดูค่ะ มาตามหาคนร้ายกันนะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
สกรีมแท็ก #ฟิคมมเก้าสาม นะงับ จุ้บ ส่วนฟิคชยอโฮ รอก่อน ตัน 5555555555555
Comments